Google tag

1.19.2562

Review 20 Story.. Journey with Seefah

Review 20 เมนู Journey with Seefah
ไม่มีใครไม่รู้จักร้านสีฟ้าได้ ร้านเก่าแก่ที่อยู่ในไทยมานานแสนนาน
แต่ยังมีอีกหลายคนที่รู้จักแต่ไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาลิ้มลองความอร่อย
 "อย่าลืม..สีฟ้า..เวลาหิว"

ร้านนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 80 ปีที่แล้วชายผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีนต่อสู้ดิ้นรนทำงานในเมืองไทย
จนวันหนึ่งได้ร่วมมือกับเพื่อนอีกคน ร่วมกันก่อตั้งร้านอาหาร ณ อาคารเล็กๆย่านราชวงศ์เมื่อปี 
พ.ศ. 2479 ร้านนี้ขายแต่ไอศกรีม กาแฟ และผลไม้ แช่แข็งเท่านั้นแต่กิจการก็ดำเนินด้วยดี
จนต้องขยายร้านมากห้องขึ้น เมื่อร้านบริเวณรอบข้างปิดตัวลงร้านจึงริเริ่มทำอาหารคาวด้วยตัวเอง 
โดยจ้างกุ๊กตกงานจากร้านดังกล่าว มาคิดสูตรซึ่งส่วนมากเป็นอาหารจีน 
ด้วยความที่เป็นย่านมีคนชั้นสูงจึงเป็นเหล่าไฮโซ คนมีระดับที่ขับรถมากินบ้างก็นั่งกินในรถ 
โดยมีถาดอาหารติดรถเสิร์ฟ ถือเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนแถวนั้นต่อมามีการขยับขยายร้านอีกครั้ง 
ด้วยการทาสีผนังใหม่เป็นสีฟ้าแสงไฟจาหลอดนีออนสะท้อนกับผนัง
ทำให้ผู้คนทั่วไปที่ผ่านมาเห็นเรียกร้านอาหารแห่งราชวงศ์นี้ว่า.. 
“สีฟ้า”
หน้าตาร้านที่เซ็นทรัลเวิลล์เค้าเปลี่ยนไปน๊า ดูสดใสมากขึ้่น แต่ยังดูสะอาดตาเหมือนเดิม
มาเริ่มสตอรี่อาหาร 20 เมนูของเราดีกว่า เมนูยอดฮิตติดลมบนที่มาแล้วต้องไม่พลาด

1. บะหมี่แห้งอัศวิน 
คำว่า “อัศวิน” มีที่มาตั้งแต่สมัยสีฟ้าบนถนนราชวงศ์ เป็นคำที่ใช้เรียกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสมัยนั้น
 เมื่อกลุ่มอัศวินแวะมากินที่ร้านสีฟ้า ก็นิยมสั่งรายการเป็นพิเศษเพิ่มเครื่องเยอะๆ
อาหารชามที่อัศวินสั่งจึงแน่นไปด้วยเครื่องตั้งแต่ เซี่ยงจี้ กุ้ง หมูแดง หมูหวาน ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง
 ฮื่อก้วย เนื้อไก่ และก้ามปู ลูกค้าอื่นเห็นแล้วอยากกินแบบที่อัศวินกินบ้าง จึงสั่งตาม
 และเป็นที่มาของอัศวินสีฟ้า เช่น เมนูบะหมี่แห้งอัศวิน

2. อีหมี่ 
เมนูเด็ด ‘อีหมี่’ เส้นบะหมี่ตัวเส้นจะโตกว่า เพื่อสร้างความหลากหลายในคุณสมบัติของตัวเส้นแต่ละแบบ
ส่วนเจ้าไข่ที่ใส่ลงไปก็จะช่วยอุ้มซ้ำซุปเวลานำเส้นอีหมี่ไปอบได้เป็นอย่างดี เมื่ออบจนได้ที่แล้ว
เส้นจะอมน้ำซุปจนนุ่ม ตัดกับความกรอบของเส้นที่อยู่ด้านล่างหม้อดินอย่างลงตัว

3. ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลากะพง 
จานนี้ถือเป็นน้องใหม่แต่ก็มีอายุไม่ต่ำกว่า 40 ปีแล้ว เมื่อก่อนจะมีเมนูปลากะพงน้ำแดงเป็นเมนูโต๊ะจีน
 จนเริ่มเข้าสู่ยุคหม้อดินกำลังฮิต ร้านสีฟ้าจึงจับคู่อาหารตุ๋น “น้ำแดง” แบบแต้จิ๋ว
และก๋วยเตี๋ยวจานง่าย ๆ มารวมกัน โดยใช้ปลากะพงน้ำแดงหั่นเป็นชิ้นพอประมาณทอดให้เหลืองกรอบ
 นำมาผัดกับขิงซอย กระเทียม พริกแดง หมู เห็ดหอม ปรุงด้วยซีอิ้ว เหล้าจีน ใส่แป้งให้เหนียว
นำหม้อดินมา รองชั้นล่างด้วยผักบุ้งไฟแดง ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ และปลากะพงน้ำแดงลงไป
ตุ๋นบนเตาให้เดือดปุด ๆ ก่อนเสิร์ฟร้อน ๆ จะได้กลิ่นหอมฟุ้งมาแต่ไกลทีเดียว

4. ข้าวอบไก่สีฟ้า 
จากไก่อบหน่อไม้ฝรั่งกระป๋องที่สมัยราชวงศ์ ขาประจำราชสกุลทั้งหลายต้องสั่งเป็นออเดิร์ฟที่ตั้งใจรอ
 เพราะใช้เวลาในการทอดไก่ และความหอมของไก่ทอดหมักซอสลอยมาตั้งแต่ยกออกมาจากโต๊ะพัก
อาหาร รับประทานแกล้มกับกาดำ กาขาว ผสมโซดาสิงห์ได้รสชาติเนียน ๆ สบาย ๆ
กลายร่างมาเป็นข้าวอบไก่หม้อดินที่ใช้คะน้าส่วนก้านและใบแทนหน่อไม้ฝรั่งสด นำไปผัดน้ำมันปรุงรส
ด้วยซีอิ๊วขาว และเหล้าจีนใส่ข้าวสวยลงในหม้อดิน วางตามด้วยคะน้าผัดน้ำมัน
และไก่ทอดราดด้วยน้ำซอสที่เตรียมไว้ และตั้งไฟ ปิดฝา เมื่อร้อนได้ที่ก็พร้อมรับประทานได้
วิธีรับประทานให้อร่อย คือ ให้ปรุงรสเพิ่มด้วยแม็กกี้ (ซอสถั่วเหลือง, พริกน้ำปลามะนาวจะทำให้รสชาติไม่สมดุลและไม่อร่อย)
แต่ถ้าชอบเผ็ด แนะนำให้รับประทานกับพริกขี้หนูสดเป็นเครื่องเคียง

5. ขนมจีบ 
ขนมจีบ เล็กพริกขี้หนูจริง ๆ ขนมจีบสีฟ้าของแท้ต้องลูกเล็กเท่านั้น แต่อย่าได้ดูถูกไป
ถึงแม้จะเล็กแต่ก็มีอายุยืนยาวมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โน่น ทั้งภายในยังประกอบด้วยเครื่องนานาชนิด
ทั้งหมู กุ้ง หน่อไม้ ต้นหอม และด้วยการหมักจนได้ที่
ทำให้รับประทานชิ้นแรกกลิ่นของเครื่องเทศก็จะลอยมาเตะจมูกในทันที

6. หมูสะเต๊ะ 
หมูสะเต๊ะ อาหารคู่บุญอยู่มา 80 ปีโดยเริ่มจากมีคนมาขายหน้าร้านที่ราชวงศ์แล้วเขาเลิกกิจการ
ต่อมาภายหลังได้รับภรรยาเข้ามาเป็นครูคอยถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการหมักหมู
และสูตรการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ซึ่งทางสีฟ้าจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับลูกชายเจ้าของต้นตำรับมา
ตั้งแต่อดีตจนทุกวันนี้ ลักษณะอันโดดเด่นของหมูสะเต๊ะสีฟ้า คือ จะใช้เนื้อหมูสันนอกตัดแต่งพังผืดออก
จนหมดเกลี้ยง เหลือไว้แต่เนื้อพอติดมันโดยจะไม่แล่ให้เนื้อหมูแบนติดไม้ แต่จะหั่นเนื้อหมูเต็มชิ้นเสียบ
ไม้ อร่อยได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เอาไปหมักกับเครื่องปรุงจนได้หมูเนื้อนุ่มย่างด้วยไฟแรงๆชโลมด้วย
กะทิสด ก่อนเสิร์ฟเอาไปคลุกกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะสูตรดั้งเดิม
ตำรับโบราณที่เจ้าของเดิมหวงนักหนาแต่ก็ขอมอบไว้ให้กับร้านสีฟ้าแต่เพียงผู้เดียว

7. ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ไข่ดาว 
เป็นเมนูที่โด่งดังจนกลายเป็นชื่อเรียกขานติดปากมาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า “ข้าวหน้าไก่ราชวงศ์”
เดิมร้านสีฟ้าเป็นร้านแรกที่เสิร์ฟข้าวนึ่งในโถสีขาวเซรามิกแบบไฮโซจริง ๆ โดยสั่งโถมาจากเมืองจีน
พอโถจีนแพงขึ้นก็เปลี่ยนมานึ่งข้าวด้วยหม้อดิน แต่หม้อดินก็แตกง่ายก็เลยกลับไปใช้การหุงข้าวแบบ
สมัยปัจจุบันแทนในที่สุด ส่วนราดหน้าไก่นั้นเดิมเป็นสูตรแต้จิ๋วที่ใช้เฉพาะซีอิ๊วและเหล้าจีน จึงมีสีจืด ๆ
 แต่ไก่สมัยก่อนเนื้อเหลืองหอม ต่อมาปรับเป็นสูตรไหหลำโดยใส่ซีอิ๊วดำลงไป ที่ขาดไม่ได้คือกุนเชียง
ทอดน้ำมันอันเป็นเอกลักษณ์ของที่ร้านนี้ ที่นำมาเป็นเครื่องแนมซึ่งสั่งจากร้านเดิมมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

8. เป็ดย่างสีฟ้า 
หนึ่งในเมนูที่ “ต้องสั่ง” เมนูหนึ่ง ไม่ใช่เพราะแค่ความอร่อย แต่นี่คือเป็ดย่างตำรับกวางตุ้งแท้
 และดั้งเดิมที่ยังคงอยู่คู่คนกรุงเทพฯ มากกว่า 8 ทศวรรษ ส่งผ่านความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่น
หมักและย่างด้วยสูตรเด็ดจนหนังเป็นสีแดงน้ำตาลธรรมชาติ ส่วนเนื้อเป็ดย่างเมื่อนำน้ำราดจนซึมเข้าไป
จนฉ่ำก็พร้อมตักใส่ปากเคี้ยวเพลินในความนุ่มกลมกล่อม ทีเด็ดอยู่ที่น้ำราดและน้ำจิ้ม รสชาติกำลังดี
เข้มข้นกลมกล่อมหอมเครื่องเทศแต่ไม่กลบรสชาติของเป็ดย่างเสริมความพิเศษที่น้ำจิ้มสูตรเฉพาะ
รสชาติไม่เหมือนใครที่มีความอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสีฟ้าอย่างแท้จริง

9. ขนมเบื้องญวน 
อาหารไทยสำรับชาววังที่ปัจจุบันหาทานได้ยาก สีเหลืองทองเนียนบาง ดูน่ารับประทาน
เกิดจากเทคนิคการละเลงแป้งบนกระทะร้อนจนบางและเหลืองกรอบ สอดไส้ที่ปรุงจากกุ้งสับ
เนื้อมะพร้าว หัวไชโป๊ว ถั่วงอก และเต้าหู้เหลือง เสิร์ฟกับน้ำอาจาด (คล้ายน้ำจิ้มของหมูสะเต๊ะ)
ที่ให้รสเปรี้ยว หวาน เค็ม บวกกับแตงกวา ทำให้รสชาติเข้ากันอย่างดี

10. ผัดไทยกุ้งสด 
จานนี้ห้ามปรุง ก๋วยเตี๋ยวผัดไทยของสีฟ้าจะถูกปรุงรสมาเรียบร้อยครบทั้งหวาน
(จากน้ำตาลทรายไม่ใช่น้ำตาลปี๊บ) เปรี้ยว (จากน้ำมะนาวไม่ใช่น้ำมะขามเปียก)
เค็มและเผ็ดจนกลมกล่อมดีแล้ว เมื่อนำมาเสิร์ฟก็สามารถรับประทานได้เลย แบบไม่ต้องเสียเวลาปรุง
ในส่วนของเส้นจะนำมาผัดให้เกรียมเล็กน้อยกับมันกุ้งโดยเส้นที่นำมาใช้คือเส้นสด
เพิ่มความนุ่มเนียนให้ลิ้นสัมผัสอีกเป็นกอง

11. ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อสับ/หมูสับ 
ต้นกำเนิดมาจากน้ำหมูสะเต๊ะที่ประยุกต์มาราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า
ที่เด็ดของอาหารจานนี้อยู่ที่น้ำซุปเข้มข้นและกลมกล่อม เพราะใส่น้ำพริกเผาสูตรพิเศษของสีฟ้า
ทำให้มีความเผ็ดเล็กน้อยพออุ่นคอ เส้นที่ไม่หนาและไม่จับตัวเป็นก้อนเคี้ยวง่ายหนุบลิ้น
บวกกับผักคะน้าพอดีคำตัดความเลี่ยน เนื้อสับชิ้นเล็กนุ่มหนึบเคี้ยวมัน
นอกจากนี้ยังเป็นอาหารที่ลงกระทะจานต่อจาน ทำให้ความอร่อยครบถ้วนทุกจานที่เสิร์ฟ
 (สำหรับคนไม่ทานเนื้อก็สามารถเปลี่ยนเป็นหมูสับ หรือ ไก่สับก็ได้)

12. เกี๊ยวกรอบ 
ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ เพราะแป้งที่ใช้ทำเกี๊ยวกรอบคือแป้งชนิดเดียวกับแป้งบะหมี่ของสีฟ้า
ซึ่งทำมาจากไข่ล้วน ๆ ทำให้ตัวแป้งมีความนุ่มเป็นพิเศษต่างจากเกี๊ยวกรอบทั่วไป
เมื่อกัดคำแรก นอกจากความนุ่มที่สัมผัสได้แล้ว ยังได้กลิ่นหอมของไข่

13. เต้าหู้ทอด เผือกทอด และหัวไชเท้าทอด 
กรอบ นอกนุ่มใน นั่นคือคำจำกัดความของการรวมของทอดไว้ 3 อย่างด้วยกัน
มีเต้าหู้ทอด เผือกทอด และหัวไชเท้าทอด ซึ่งริเริ่มเพิ่มเติมอีกหนึ่งเมนูอร่อยในยุคสยามสแควร์
ประกอบด้วยเต้าหู้ก่อนสด (เปลือกบาง เนื้อขึ้นฟู )เผือกและหัวไชเท้าที่ถูกปรุงมาลงทอดจนเหลืองกรอบ
เมื่อกัดเข้าไปจะพบกับความกรอบนอกนุ่มใน เติมเต็มรสชาติด้วยน้ำจิ้มบ๊วย
ใส่ถั่วลิสงบดและพริกตำที่วางอยู่ข้างจาน รสชาติเปรี้ยวหวานและเผ็ดเล็ก ๆ ของน้ำจิ้ม
จะช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเต้าหู้เผือกทอดจานนี้ได้อย่างดี

14. ลาบเป็ดย่างสีฟ้า 
อาหารฟิวชั่นยุคดั้งเดิมของประเทศไทย ในยุคสีฟ้าสยามที่พัฒนามากจากการผสมผสานเป็ดย่างสีฟ้า
อาหารจีนที่ปรุงมาอย่างดี ที่มีทั้งความหอม ชุ่มฉ่ำ หวานมัน กับวิธีการลาบแบบไทยไทย
ที่มีทั้ง หอมแดง ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ข้าวคั่ว พริกป่น น้ำปลา มะนาว และน้ำตาลปี๊บ
ความลงตัวของสองคุณภาพไทย-จีนที่ทำให้ทั้งลูกค้าชาวไทย และชาวไทยเชื้อสายจีน

15. ข้าวไข่ข้นกุ้ง 
เมนูที่เริ่มแนะนำในยุคสีฟ้าสยาม ช่วงปี พ.ศ. 2527-2529 ซึ่งผู้บริหารท่านหนึ่งเป็นผู้ริเริ่ม
โดยเป็นการผสมผสานระหว่างไข่เจียวของ ไทยกับ Omelet ของฝรั่ง
แต่ของสีฟ้าใช้สูตรผสมเป็นแบบฉบับของสีฟ้าเอง โดยมีไข่เจียวเป็น base ผสมกับเครื่องปรุงพิเศษ
ประกอบกับเทคนิคการทอดที่ต้องใช้ความชำนาญในการให้ไฟ ให้ความร้อน
จึงจะได้หน้าตาและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสีฟ้า จนเป็นเมนูยอดนิยมมาจนถึงปัจจุบัน


16. ข้าวอบปู 
เมนูดั้งเดิมคู่มากับข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ ภายหลังได้พัฒนารูปแบบให้ทันสมัยเอาใจประดา J-Gen
ผสมผสานกับความเป็นจีนร่วมสมัยใส่ลงในหม้อดิน
แต่ยังคงรสชาดและกลิ่นอายของอาหารยุคราชวงศ์อย่างครบถ้วน



17. ข้าวอบซี่โครงหมูเต้าซี่ 
เมนูยุคจิ๊กโก๋หลังวัง ที่นิยมบริโภคอาหารโป้วพลังด้วยสมุนไพรจีน กุ๊กใหญ่สีฟ้าเลยเอาซี่โครงหมูอ่อน
เลือกเอาเฉพาะตรงส่วนของชายโครงมาตุ๋นกับสมุนไพรจีน ด้วยไฟอ่อนๆค่อยๆให้ซี่โครงหมูอ่อน
ซึมซับสมุนไพรจีน ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จนซี่โครงหมูอ่อนเปื่อยนุ่ม จึงนำซี่โครงหมูอ่อนที่ได้
มาปรุงกับซ๊อสเต้าซี่มาอบกับข้าวในหม้อดินนำขึ้นเสิร์ฟจะทำให้ได้ข้าวอบซี่โครงหมูเต้าซี่ที่มีความหอม
กลมกล่อมจากคำแรกจนคำสุดท้าย

18. ข้าวอบเต้าหู้หมูแดง 
เพียงกลิ่นหอม ๆ ของอาหารที่อบอยู่ในหม้อดินร้อนๆ นั้นช่างเป็นอะไรที่ยั่วน้ำลายให้สอปากเสียจริง
ย้อนตำนานอาหารหม้อดิน ตำรับสีฟ้าราชวงศ์ ที่ยังคงให้ความพิถีพิถันต่อการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ
ให้คงรสชาติความอร่อยที่ได้รับการยอมรับมานานกว่า 80 ปี มาบรรจงเสิร์ฟในหม้อดินอบร้อน
ที่สามารถเก็บอุณหภูมิความร้อน ของอาหารอบในหม้อดินได้นานกว่าภาชนะทั่ว ๆ ไป
พร้อมให้รสชาติอาหาร อร่อย กลมกล่อมผสมผสานความหอมกรุ่นจากสูตรอบหม้อดินแท้ ๆ

19. โกยซีหมี่ 
คนส่วนใหญ่รู้จักชื่อเมนูนี้กันดี ถึงแม้ว่าจะเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วก็ตาม ซึ่งหมายความถึง บะหมี่ราดหน้าไก่
มีลูกค้าบางท่านสั่งโกยซีหมี่หมู บ้างก็สั่งโกยซีหมี่กุ้ง แต่ก็เข้าใจได้ว่าต้องการจะสั่งบะหมี่ราดหน้าหมู
หรือบะหมี่ราดหน้ากุ้ง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะโกยซีหมี่เป็นเมนูยอดนิยม สีฟ้าเองได้ขายโกยซีหมี่มาตั้งแต่ยุค
สีฟ้าราชวงศ์แล้วและจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นตรงที่สีฟ้าใช้บะหมี่ไข่เส้นกลมโตนำ
มาอบก่อนให้เส้นเหนียวนุ่มแล้วนำเนื้อไก่มาผัดปรุงรสเติมส่วนประกอบอื่น ได้แก่ หน่อไม้เส้น เห็ดหอม
 และสิ่งสำคัญที่สุดต้องมีไชแป๊ะ หรือบางคนเรียกว่ากุยช่ายขาว

20. ปอเปี๊ยะสด 
จากปอเปี๊ยะสดเมนูของว่างยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ด้วยความอร่อยไส้ที่ประกอบด้วย หมูตั้ง เต้าหู้ กุนเชียง
ผักต่าง ๆ ราดด้วยน้ำราดที่ปรุงรสจนหอมอร่อยดัดแปลงโดยนำเป็ดย่างตำรับสีฟ้าเพิ่มเข้าไป
 รับรองว่าเมนูนี้ถูกใจคนชอบกินปอเปี๊ยะสดแน่นอน


ตอนนี้สีฟ้าเค้ามีกิจกรรมตามล่าหาของอร่อยเพิ่มขึ้น
ด้วยกิจกรรมบันทึกความสุขกับสมุดสะสมความอร่อยที่ประทับใจ 
(Journey with Seefah Passport) 
สะสมครบ 20 เมนู  แลกรับฟรี !!! บัตรสมาชิกครอบครัวสีฟ้า 
หรือ Seefah Family Card มูลค่า 500 บาท พร้อมคูปองส่วนลดต่าง ๆ 
ที่สามารถใช้ได้กับร้านอาหารในกลุ่มสีฟ้าอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 3,000 บาท!!

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก
สีฟ้า : ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร และเครื่องดื่มราคาปกติ (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
สีฟ้า Delivery : ส่วนลด 5% สำหรับค่าอาหารราคาปกติ 500 บาทขึ้นไป
สีฟ้า Catering : ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร และเครื่องดื่ม 30,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้น Snack Box)
BlueSpice & Krua Luang : ส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหารราคาปกติ 500 บาทขึ้นไป
Bake Brothers : ส่วนลด 15% สำหรับเครื่องดื่มในเมนูราคาปกติ
Osaka Ohsho : ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารราคาปกติ 500 บาทขึ้นไป
Special for Seefah Family Member! ทุกวันศุกร์สีฟ้า แลกซื้อ Half Price เมนู Seefah Signature ประจำเดือน

คูปองส่วนลดร้านอาหารในเครือสีฟ้า สีฟ้า, BlueSpice, Krua Luang, Bake Brothers และ Osaka Ohsho รวมมูลค่ากว่า 3,000 บาท





มีสาขากว่า 19 สาขา ได้แก่ สยาม, ธนิยะ, เมเจอร์รัชโยธิน, ทองหล่อ,
แฟชั่นไอส์แลนด์, โลตัสพระราม 4, โลตัสพระราม 3,เทอร์มินัล 21โลตัสประชาชื่น, 
โลตัสลาดพร้าว, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัลเวิลด์, เอสพลานาด รัชดา, 
เอสพลานาด งามวงศ์งาน-แคราย, เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์, 
โรงพยาบาลรามาธิบดี , พระราม 9สาธรเมกาบางนา